คำถามที่ปรึกษาวันนี้
กรณีตกลงหย่า บุตรจะอยู่ในการดูแลของฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง
ในการตกลงหย่า การตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้ดูแลบุตรขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย หรือคำตัดสินของศาล บางปัจจัยที่สามารถพิจารณาได้ ได้แก่:
1. **ความสามารถในการดูแลบุตร**: ใครมีความสามารถในการดูแลบุตรดีกว่ากัน ทั้งในด้านการเงินและเวลาที่จะให้กับบุตรได้
2. **สภาพแวดล้อม**: สถานที่ที่บุตรจะอาศัยอยู่ ซึ่งอาจมีผลต่อความเป็นอยู่และการเติบโตของบุตร
3. **ความต้องการและความคิดเห็นของบุตร**: ในบางกรณี การฟังเสียงของบุตรก็เป็นสิ่งสำคัญ
4. **ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับบุตร**: ใครมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรมากกว่า
ทั้งนี้ ศาลจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์สูงสุดของบุตรเป็นอันดับแรก
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 081 803 4097 4ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ภริยาที่ไม่ได้จดทะะบียนสมรส สามารถฟ้องหญิงอื่นที่มามีความสัมพันธ์กับสามีได้หรือไม่
ภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทย ไม่สามารถฟ้องหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีของตนได้ เนื่องจากสถานะทางกฎหมายของภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสไม่อยู่ในฐานะ "ภริยา" ตามกฎหมาย ครอบครัวที่มีสิทธิทางกฎหมายในการฟ้องร้องคดีในกรณีการแย่งสามีนั้น ต้องมีการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หนี้บัตรกดเงินสดอีออนมีอายุความกี่ปี นับแต่วันที่ชำระเงินครั้งสุดท้าย
หนี้บัตรกดเงินสดอีออน (Aeon) ถือเป็นหนี้ทางแพ่งประเภทหนี้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทย แต่อายุความของหนี้บัตรกดเงินสดโดยทั่วไปจะมีอายุความ 2 ปี นับจากวันที่เจ้าหนี้หรือผู้ถือบัตรไม่ชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลและศาลมีคำพิพากษาแล้ว อายุความจะขยายออกไปเป็น 10 ปี นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 081 803 4097 4ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ศาลมีคำพิพากษารอลงอาญา ยังสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้หรือไม่
สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ครับ แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขของการรอลงอาญาที่ศาลกำหนดไว้ด้วย บางกรณีอาจมีเงื่อนไขที่จำกัดการเดินทาง ถ้าไม่มั่นใจควรปรึกษาทนายความหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความแน่ใจ
มีคดีที่ศาลใหน ให้ทนายในเครือข่ายของเราช่วยท่าน ปรึกษาทนายความของเราได้ที่ 089 226 8899 ค้นหาทนายในเครือข่ายของเราได้ที่เวปไซต์นี้ www.เครือข่ายทนายความ.com
เมื่อศาลล้มละลายมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และมีคำพิพากษาให้คุณเป็นคนล้มละลายแล้วคุณควรทำอย่างไร
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และคุณถูกประกาศเป็นคนล้มละลาย คุณควรทำตามขั้นตอนดังนี้:
1. **แจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์**: คุณควรแจ้งข้อมูลทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดให้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกำหนดเวลา
2. **ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล**: ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ศาลกำหนด ซึ่งอาจรวมถึงการส่งรายงานการใช้จ่ายและรายได้ประจำเดือน
3. **ไม่ซ่อนทรัพย์สินหรือข้อมูล**: ห้ามซ่อนหรือปกปิดทรัพย์สินหรือข้อมูลใดๆ เพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปอย่างถูกต้อง
4. **ชำระหนี้ตามที่กำหนด**: หากมีคำสั่งให้ชำระหนี้บางส่วน คุณควรชำระตามที่กำหนดเพื่อป้องกันปัญหาอื่นที่อาจเกิดขึ้น
5. **ปรึกษาทนายความ**: ควรปรึกษากับทนายความเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนและสิทธิ์ที่คุณมี
6. **รักษาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้**: พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหนี้และเจรจาในกรณีที่จำเป็น
7. **ติดตามสถานการณ์**: ติดตามสถานการณ์และการประชุมเกี่ยวกับล้มละลายอย่างต่อเนื่องเพื่อรับข้อมูลล่าสุดและปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการ
การดำเนินการตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้กระบวนการล้มละลายดำเนินไปอย่างราบรื่นและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 089 226 8899 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีแพ่งต้องทำอย่างไร
หากคุณถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีแพ่ง มีขั้นตอนที่ควรดำเนินการตามนี้:
1. **อ่านและทำความเข้าใจหมายศาล**: ทบทวนเอกสารที่ได้รับจากศาลอย่างละเอียด โดยเฉพาะวันที่และเวลาที่ต้องไปศาล
2. **หาทนายความ**: ควรปรึกษาทนายความเพื่อให้เขาช่วยเหลือในการเตรียมการและให้คำแนะนำในด้านกฎหมาย
3. **จัดเตรียมเอกสารและหลักฐาน**: เก็บรวบรวมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีเพื่อใช้ในการป้องกันตัว
4. **ตอบข้อกล่าวหา (ภายในกำหนดเวลา)**: ต้องทำการตอบข้อกล่าวหาภายในเวลาที่หมายศาลระบุไว้ หากใช้ทนายความ ทนายจะช่วยเขียนหนังสือตอบนี้
5. **ปฏิบัติตามคำแนะนำของทนายความ**: หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในขั้นตอนใดๆ ให้ปรึกษาทนายความที่ดูแลคดี
6. **ไปศาลตรงตามกำหนด**: ต้องไปศาลในวันที่กำหนดและเตรียมตัวให้พร้อม โดยควรมาถึงก่อนเวลาและแต่งกายสุภาพ
7. **ทำการเจรจาประนีประนอม (หากมีโอกาส)**: ในบางกรณี ศาลอาจมีการแนะนำให้มีการเจรจาประนีประนอมระหว่างคู่กรณี
ตามนี้คือขั้นตอนพื้นฐานในการป้องกันตัว หากคุณต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะเจาะจงตามสถานการณ์ของคุณ
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 089 226 8899 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุณ.com
ทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแต่ยังชำระค่าที่ดินไม่ควร สมควรยินยอมให้เข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือไม่
การให้ผู้ซื้อเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินก่อนที่จะชำระค่าที่ดินครบถ้วนนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา:
1. **ความเสี่ยงทางการเงิน**: หากผู้ซื้อยังไม่ชำระค่าที่ดิน การอนุญาตให้เขาเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินอาจทำให้คุณมีความเสี่ยงในเรื่องการเก็บเงินที่เหลือ
2. **ข้อตกลงในสัญญา**: ตรวจสอบข้อตกลงในสัญญาว่ามีเงื่อนไขในการเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างไร และมีข้อจำกัดหรือไม่
3. **การประกันการชำระเงิน**: หากคุณต้องการให้ผู้ซื้อเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดิน คุณอาจพิจารณาขอหลักประกันเพิ่มเติม เช่น การวางเงินมัดจำ หรือการทำสัญญาผูกพันทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองสิทธิของคุณ
4. **ความไว้วางใจและประวัติการชำระเงิน**: หากผู้ซื้อมีประวัติการชำระเงินที่ดีและคุณมีความไว้ใจในข้อตกลง คำแนะนำอาจแตกต่างจากกรณีที่ผู้ซื้อไม่ชำระเงินตรงตามสัญญาในครั้งที่ผ่านมา
5. **คำปรึกษาทางกฎหมาย**: ปรึกษาทนายความในการตรวจสอบเงื่อนไขและข้อตกลงในสัญญาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสี่ยงทางกฎหมายในการให้ผู้ซื้อเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดิน
สรุปแล้ว หากยังไม่ได้รับชำระค่าที่ดินครบถ้วน คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบและอาจปรึกษาทนายความเพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสม โดยทั่วไป การระมัดระวังเป็นเรื่องสำคัญในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทำอย่างไรไม่ให้เสียเปรียบผู้รับเหมาก่อสร้าง
การป้องกันไม่ให้เสียเปรียบผู้รับเหมาก่อสร้างต้องเตรียมตัวและมีแผนการให้รอบคอบ ต่อไปนี้คือวิธีการบางอย่าง:
1. **ศึกษาข้อมูลและหาผู้รับเหมาที่เชื่อถือได้**: ทำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับเหมาที่มีประวัติการทำงานดี มีบทวิจารณ์จากลูกค้าเก่า และมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง.
2. **สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร**: การมีสัญญาที่ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดงาน งบประมาณ และเวลา เป็นสิ่งสำคัญ ควรให้รายละเอียดให้ครบถ้วนและชัดเจน รวมถึงข้อตกลงเกี่ยวกับการแก้ไขงานหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น.
3. **งบประมาณที่ชัดเจน**: กำหนดงบประมาณที่ชัดเจนและตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้รับเหมารับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับข้อจำกัดทางการเงินของคุณ เพื่อป้องกันการบวกเกินที่ไม่จำเป็น.
4. **การเงินแบบขั้นตอน**: ควรชำระเงินตามขั้นตอนการทำงาน เช่น จ่ายส่วนแรกเมื่อเริ่มงาน และส่วนต่อ ๆ ไปเมื่อถึงขั้นตอนสำคัญของงาน มากกว่าการจ่ายเงินเต็มจำนวนล่วงหน้า.
5. **ตรวจสอบงานตามขั้นตอน**: การตรวจสอบความก้าวหน้าของงานตามขั้นตอนต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่างานเป็นไปตามแผนที่วางไว้.
6. **สื่อสารอย่างต่อเนื่อง**: การมีการสื่อสารที่ทางสม่ำเสมอกับผู้รับเหมา ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ทันเวลา และทำให้มั่นใจว่าผู้รับเหมาทำงานตามที่ตกลงไว้.
7. **มีที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ**: หากไม่มั่นใจในการจัดการงานก่อสร้าง ควรมีที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำและตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา.
ทำการเตรียมตัวเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเสียเปรียบและทำให้โครงการก่อสร้างของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและยุติธรรม.
กิ่งไม้หรือรากไม้ที่ล้ำเข้ามาในเขตบ้านของเราจากต้นไม้ของเพื่อนบ้านทำอะไรได้บ้าง
กิ่งไม้หรือรากไม้ที่ล้ำเข้ามาในเขตบ้านของเราจากต้นไม้ของเพื่อนบ้านอาจสร้างความไม่สะดวกหรือเกิดความเสียหายได้ ในกรณีนี้คุณสามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนและกฎหมายดังนี้:
1. **พูดคุยกับเพื่อนบ้าน**:
- การสนทนาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาเบื้องต้น แจ้งเพื่อนบ้านเกี่ยวกับปัญหาและขอให้เขาตัดกิ่งไม้หรือรากไม้ที่ล้ำเข้ามาในเขตบ้านของคุณ
2. **การตกลงร่วมกัน**:
- หากเพื่อนบ้านยินดี คุยตกลงเรื่องการตัดกิ่งไม้หรือล้างรากไม้ และวันเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ
3. **กฎหมายแพ่งและพาณิชย์**:
- ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 ระบุว่า "เจ้าของที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินมีสิทธิตัดเอากิ่งไม้ หรือรากไม้ที่ลากเข้ามาในเขตที่ดินของตน อย่างไรก็ดี เขาต้องแจ้งให้เจ้าของต้นไม้นั้นทราบล่วงหน้าก่อน"
4. **การตัดกิ่งไม้ด้วยตนเอง**:
- หากการแจ้งให้เพื่อนบ้านทราบแล้ว และเพื่อนบ้านไม่ดำเนินการใด ๆ คุณมีสิทธิตัดกิ่งไม้หรือรากไม้ที่ล้ำเข้ามาในที่ดินของคุณเองได้ แต่ควรดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือข้อขัดแย้งระหว่างกัน
5. **การร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง**:
- หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือสำนักสิ่งแวดล้อมเพื่อขอคำปรึกษาหรือให้เข้ามาช่วยเจรจาหรือแก้ไขปัญหา
คำแนะนำ: การเน้นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนบ้านเป็นสิ่งสำคัญ หากเป็นไปได้ควรพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุยและการเจรจา อย่างไรก็ดี ควรทราบสิทธิของตนและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
เพื่อนบ้านขอใช้ทางเข้าออกที่ดินเกินกว่า 10 ปี ปัจจุบันที่ดินแปลงนั้นมีทางเข้าออกแล้วเราจะขอปิดทางได้หรือไม่
ในกรณีนี้ปัญหาด้านกฎหมายและการปฏิบัติจะเกี่ยวข้องกัน โดยต้องพิจารณาหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ "สิทธิการใช้อยู่อาศัย" (Easement) ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้งานทางผ่านที่ดินของผู้อื่นมานาน
โดยหลักการแล้ว หากเพื่อนบ้านได้ใช้ทางนี้มาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปี สามารถถือว่าเป็นสิทธิการใช้อยู่อาศัยที่ต้องได้รับการอนุญาต หากปัจจุบันเพื่อนบ้านมีทางเข้าออกของตนเองแล้ว ก็อาจจะสามารถขอปิดทางได้ แต่การปิดทางต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาท
สิ่งที่ควรทำคือ:
1. ปรึกษานิติกรหรือทนายเพื่อดูบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2. แจ้งเพื่อนบ้านเกี่ยวกับความต้องการปิดทาง
3. เขียนหนังสือละเอียดถึงเหตุผลและส่งให้เพื่อนบ้านได้รับทราบ
4. พยายามหาทางตกลงร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาท
หากไม่สามารถตกลงกันได้ อาจต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในการขอคำตัดสินจากศาล