การปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว)
ประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน
ประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาหรือต้องหา (ชั้นพนักงานตำรวจ)
การประกันตัวผู้ต้องหา
1. หลักปฏิบัติ
2. การใช้บุคคลเป็นประกันหรือหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน
3. การพิจารณาการให้ประกันตัวผู้ต้องหา
1. หลักปฏิบัติ
(1) ให้ผู้ที่มาขอประกันตัวผู้ต้องหา
ยื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวนที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของคดีหรือไม่ก็ตาม
(2)
หากไม่อาจเขียนคำร้องประกันได้เองให้ร้องขอต่อพนักงานสอบสวน เพื่อสั่งเจ้าหน้าที่ช่วยเขียนคำร้องให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
(3) เมื่อรับคำร้องแล้ว
ให้ขอหลักฐานการับสัญญาประกันที่ลงเวลารับคำร้องไว้ด้วย
(4) พนักงานสอบสวนจะแจ้งผลการสั่งคำร้องให้เสร็จภายใน
24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่รับคำร้อง
(5)
หากไม่ได้รับความสะดวกหรือล่าช้าให้รีบเข้าพบหรือแจ้งต่อสารวัตร สารวัตรหัวหน้างานคนใดคนหนึ่ง
หรือหัวหน้าสถานีตำรวจนั้นให้ทราบทันที
การประกันตัวผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
ควรมีหลักฐาน
(1) บัตรประจำตัวประชาชน
(2) หลักทรัพย์ที่จะใช้เป็นหลักประกัน
ได้แก่
2.1 เงินสด
2.2 โฉนดที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ประเมินราคาแล้ว
หรือพนักงานสอบสวนเชื่อว่าที่ดินมีราคาไม่น้อยกว่าสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน
2.3
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ประเมินราคาแล้วหรือพนักงานสอบสวนเชื่อว่าที่ดินมีราคาไม่น้อยกว่าสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน
2.4
พันธบัตรรัฐบาล
2.5 สลากออมสินหรือสมุดฝากเงินธนาคารประเภทฝากประจำ
2.6
ใบรับเงินฝากประจำของธนาคาร
2.7 ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารเป็นผู้จ่ายและธนาคารผู้จ่ายได้รับรองตลอดไปแล้ว
2.8 ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารเป็นผู้ออกตั๋ว
2.9
เช็คที่ธนาคารเป็นผู้สั่งจ่ายหรือรับรอง
2.10 หนังสือรับรองของธนาคารเพื่อชำระเบี้ยปรับแทนในกรณีที่ผิดสัญญาประกัน
ในกรณีที่ผู้ยื่นขอประกันมีครอบครัวแล้ว
จะต้อง ทำหนังสือแสดงการอนุญาตจากสามีหรือภรรยาแล้วแต่กรณีไปด้วย
2. การใช้บุคคลเป็นประกันหรือหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน
ตามคำสั่ง ตร.ที่ 80/2551 เรื่อง
การกำหนดวงเงินประกันการกำหนดหลักทรัพย์ที่อาจใช้เป็นหลักประกัน และการใช้บุคคลเป็นประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน
ได้กำหนดการใช้บุคคลเป็นประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว ดังนี้
ผู้ขอประกัน
วงเงินสัญญาประกัน
1.ผู้ขอประกันเป็นบุคคลธรรมดา
1.1 ผู้ขอประกันต้องเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน และ
1.2 เป็นผู้มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหา หรือ
1.3 เป็นบุคคลที่เห็นว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เสมือนเป็นญาติพี่น้องหรือมีความสัมพันธ์ในทางอื่นที่เห็นสมควรให้ประกันได้
ให้พิจารณาจากเงินเดือน หรือรายได้ โดยให้ทำสัญญาไม่เกิน 10 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
2.
ผู้ขอประกันเป็นนิติบุคคล
กรณีผู้ต้องหาเป็นกรรมการ ผู้แทน ตัวแทน หุ้นส่วน พนักงาน ลูกจ้าง ของนิติบุคคล
ตามที่เห็นสมควรเป็นกรณีๆไป
3. ผู้ขอประกันเป็นส่วนราชการ
ตามที่เห็นสมควรเป็นกรณีๆไป
4.
ผู้ต้องหาทำสัญญาประกันตนเอง
4.1 ผู้ต้องหาต้องเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน
4.2 ผู้ต้องหาเป็นพนักงานหรือผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ เภสัชกร พยาบาล วิศวกร สถาปนิก ทนายความ ผู้สอบบัญชี ครู ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสื่อมวลชน หรือผู้ประกอบวิชาชีพอื่นที่เห็นสมควรให้ประกันได้และการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่หรือการปฏิบัติงานในการประกอบวิชาชีพนั้น
ให้พิจารณาจากเงินเดือน หรือรายได้ โดยให้ทำสัญญาไม่เกิน 10 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ย
ให้พิจารณาจากเงินเดือน หรือรายได้โดยให้ทำสัญญาไม่เกิน 15 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
การใช้บุคคลเป็นประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว
ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 110 และมาตรา 114
วรรคสองวางหลักเกณฑ์เป็นแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
บุคคล/ผู้ขอประกัน
วงเงินสัญญาประกัน
(ก)
ข้าราชการพลเรือนระดับ 3 ถึง 5 หรือ
ข้าราชการอื่นที่เทียบเท่า
(ข) ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศตั้งแต่ ร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี หรือร้อยตำรวจตรี ถึงพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี หรือพันตำรวจตรี
(ค) ข้าราชการบำนาญตั้งแต่ระดับ 6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป
(ง) พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียวกับข้าราชการประจำ
(จ) สมาชิกสภาจังหวัด
(ฉ) สมาชิกสภาเทศบาล
(ช) สมาชิกสภาเมืองพัทยา
(ซ) สมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานค
(ฌ) กรรมการสุขาภิบาล
(ญ) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเองได้ในวงเงินไม่เกิน 60,000 บาท
(ก) ข้าราชการพลเรือนระดับ 6 ถึง 8 หรือข้าราชการอื่นเทียบเท่า
(ข) ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศตั้งแต่ พันโท นาวาโท นาวาอากาศโทร หรือพันตำรวจโท พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือพันตำรวจเอก
(ค) ข้าราชการตุลาการ หรือข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 1 ถึง 2
(ง) พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียวกับข้าราชการประจำ
ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเองได้ในวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท
(ก) ข้าราชการพลเรือนระดับ 9 ถึง 10 หรือข้าราชการอื่นเทียบเท่า
(ข) ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศตั้งแต่ พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือพันตำรวจเอกที่ได้รับอัตราเงินเดือนพันเอก (พิเศษ) นาวาเอก (พิเศษ) นาวาอากาศเอก (พิเศษ) หรือพันตำรวจเอก (พิเศษ) ถึงพลเรือตรี พลอากาศตรี หรือพลตำรวจตรี
(ค) ข้าราชการตุลาการ หรือข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 3 ถึง 4
(ง) พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียวกับข้าราชการประจำ
ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเองได้ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท
(ก) ข้าราชการพลเรือนระดับ 11 หรือข้าราชการอื่นที่เทียบเท่า
(ข) ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศตั้งแต่พลโท พลเรือโท พลอากาศโท หรือพลตำรวจโท
(ค) ข้าราชการตุลาการ หรือข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป
(ง) พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียวกับข้าราชการประจำ
(จ) สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการการเมืองหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเองได้ในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท
3. การพิจารณาการให้ประกันตัวผู้ต้องหา
(1)
การพิจารณาการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เป็นดุลยพินิจของเจ้าพนักงานตำรวจที่จะให้ประกันหรือไม่ให้ประกันก็ได้
โดยจะพิจารณาถึง
(ก)
ความหนักเบาแห่งข้อหา
(ข)
พยานหลักฐานที่สอบสวนไปแล้วมีเพียงใด
(ค) พฤติการณ์ต่างๆแห่งคดีเป็นอย่างใด
(ง)
เชื่อถือผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
(จ)
ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดจากการปล่อยตัวชั่วคราวมีเพียงใด หรือไม่
ผู้ต้องหาน่าจะหลบหนีหรือไม่
(2)
หากเจ้าพนักงานตำรวจพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวไปได้ก็จะนำสัญญาประกันลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
และยึดหลักทรัพย์หรือเงินเท่าที่ท่านยื่นประกันไว้โดยออกใบสำคัญแสดงการรับไว้ให้ด้วย
แล้วผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป
(3) หากเจ้าพนักงานตำรวจไม่อนุญาตให้ประกัน
อันสืบเนื่องจากเหตุในข้อ (1)
ก็จะแจ้งให้นายประกันทราบและคืนหลักทรัพย์หรือเงินที่ท่านยื่นประกันไว้
การปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัวชั้นศาล)
การปล่อยชั่วคราว
ผู้มีสิทธิขอปล่อยชั่วคราว
หลักประกันที่ใช้ในการปล่อยตัวชั่วคราว
ขั้นตอนการขอปล่อยชั่วคราวในชั้นศาล
หลักเกณฑ์การอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
สัญญาประกันสิ้นสุดเมื่อใด
หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ประกัน
สิทธิของผู้ประกัน
ทำอย่างไรเมื่อ “ผู้ต้องหาหรือจำเลยทำผิดซ้ำระหว่างประกันตัว”
เมื่อไม่อยากเป็น “ผู้ประกัน” อีกต่อไป
การปล่อยชั่วคราว
การปล่อยชั่วคราว
หรือที่มักเรียกกันว่า การประกันตัว หมายถึง
การปล่อยผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยคำสั่งของพนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการหรือศาล
แล้วแต่กรณี
เพื่อให้พันจากการควบคุมของเจ้าพนักงานหรือศาลในระหว่างการสอบสวนหรือระหว่างการพิจารณาคดีพิพากษาคดีของศาลตามระยะเวลาที่กำหนด
ซึ่งอาจปล่อยชั่วคราวไปโดยมีประกันหรือไม่มีประกัน
หรือมีประกันและหลักประกันด้วยก็ได้
ผู้มีสิทธิขอปล่อยชั่วคราว
ผู้ต้องหาหรือจำเลย
หรือผู้มีสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับผู้ต้องหาหรือจำเลย ได้แก่บุพการี สามี/ภริยา
ญาติพี่น้อง ผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง ทนายความ
บุคคลที่ศาล/พนักงานอัยการ/พนักงานสอบสวนเห็นว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเสมือนญาติพี่น้องหรือความสัมพันธ์อื่นตามที่ศาลเห็นสมควร
หลักประกันที่ใช้ในการปล่อยตัวชั่วคราว
1. เงินสด
2. พันธบัตรรัฐบาล
3. สลากออมสิน สลากออมทรัพย์ พร้อมหนังสือรับรอง
4. สมุดเงินฝากประจำธนาคาร
หรือใบรับฝากเงินประจำของธนาคารพร้อมหนังสือรับรองยอดเงิน คงเหลือ
และรับรองว่าธนาคารจะไม่ยอมให้ถอนเงินจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากศาล
5. หนังสือค้ำประกันของธนาคาร
6.
หนังสือรับรองจากส่วนราชการค้ำประกันตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการช่วยเหลือข้าราชการหรือลูกจ้างของทางราชการที่ต้องหาคดีอาญา
7.
หนังสือรับรองกรมธรรม์ประกันอิสรภาพพร้อมแสดงตารางกรมธรรม์ประกันภัยอิสรภาพ
8. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ อาทิเช่น โฉนดที่ดิน, น.ส.3, น.ส.3ก, ห้องชุด
พร้อมหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินหรือห้องชุดที่ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน
แผนที่แสดงที่ตั้งที่ดิน ระวางที่ดินหรือแบบ รว.9, รว. 25
ภาพถ่ายที่ดินหรือห้องชุด
9. ตำแหน่งบุคคลเป็นประกัน (ตำแหน่งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่งผู้ประกอบวิชาชีพ) โดยต้องแสดงหนังสือรับรองตำแหน่งและเงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือนที่ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน ใช้ประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 10 เท่าของเงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือน แต่กรณีที่ใช้ประกันตนเองในฐานความผิดซึ่งเกิดจากปฏิบัติหน้าที่ ให้ปฏิบัติงานในการประกอบวิชาชีพ ให้ประกันได้ไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนผู้ประกันต้องมีประโยชน์เกี่ยวข้องหรือเป็นญาติใกล้ชิดกับผู้ต้องหาหรือจำเลย (ในคดียาเสพติดให้โทษใช้ตำแหน่งเป็นประกันได้เฉพาะแต่บุคลลที่มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็น บิดา มารดา คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดานเท่านั้น)
10. ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารเป็นผู้สั่งจ่ายและรับรองตลอดไป เช็คที่ธนาคารเป็นผู้สั่งจ่ายหรือรับรองและสามารถเรียกเก็บเงินได้ภายในวันทำสัญญาประกัน
11.
หลักประกันเดิมที่วางไว้เป็นประกันต่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการสามารถนำมาประกันได้แต่ต้องมีหนังสือรับรองจากพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
ว่าได้วางหลักประกันไว้จริงและจะส่งมายังศาลพร้อมกับสำเนาสัญญาประกันและเอกสารเกี่ยวกับหลักประกันนั้น
ขั้นตอนการขอปล่อยชั่วคราวในชั้นศาล
1.
เขียนคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย
โดยขอแบบพิมพ์คำร้องขอได้จากเจ้าหน้าที่ของศาล
และให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยลงชื่อในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวหากไม่เข้าใจสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่งานประชาสัมพันธ์ได้
2.
ผู้ประกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวพร้อมหลักฐานฐานต่างๆ
3.
เจ้าพนักงานศาลจำตรวจสอบคำร้องและหลักฐาน ลงบัญชีรับเรื่องไว้เป็นหลักฐาน
แล้วนำเสนอคำร้องต่อผู้พิพากษาเพื่อพิจารณาสั่งคำร้อง
4.
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันผู้ประกันอาจต้องวางเงินประกันค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี
โดยเจ้าหน้าที่จะออกใบหลักฐานการขอประกันและใบรับเงินได้
5.
เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันแล้วผู้ต้องหาหรือจำเลยจะถูกปล่อยตัวในวันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
6. หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
เจ้าหน้าที่จะคืนหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ขอประกัน
หลักเกณฑ์การอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 108 ได้บัญญัติให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจให้การอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่
โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่างๆดังนี้
(1) ความหนักเบาแห่งข้อหา
(2) พยานหลักฐานที่ปรากฏแล้วมีเพียงใด
(3) พฤติการณ์แห่งคดีเป็นอย่างไร
(4) เชื่อถือผู้ขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
(5) ผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่
(6) ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดจากการอนุญาตให้ประกันตัวมีเพียงใดหรือไม่
(7) คำคัดค้านของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการโจทก์หรือผู้เสียหายแล้วแต่กรณี
(8) ข้อเท็จจริงหรือรายงานหรือความเห็นของพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการนั้น
หมายเหตุ
ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นเด็กหรือเยาวชนศาลจะพิจารณาความประพฤติภูมิหลัง
สิ่งแวดล้อมและผู้ปกครองในการดูแลเด็กประกอบด้วย
ในกรณีที่เด็กและเยาวชนไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสถานพินิจฯ
ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจทบทวนคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวของผู้อำนวยการสถานพินิจฯ
คำสั่งศาลเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด แต่ไม่ตัดสิทธิในการยื่นประกันตัวใหม่
กรณีศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ผู้ยื่นคำร้องของประกันมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
ดังนี้
1. คำสั่งของศาลชั้นต้น ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์
2. คำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา
3.
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยื่นตามศาลชั้นต้นให้เป็นที่สุด
แต่ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวใหม่
สัญญาประกันสิ้นสุดเมื่อใด
1. ผู้ประกันนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาส่งต่อศาล
2. ผู้ต้องหาหรือจำเลยตายก่อนผิดสัญญาประกัน
3. ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการฝากขังผู้ต้องหาหรือครบกำหนดฝากขังแล้วพนักงานอัยการไม่ยื่นฟ้องต่อศาลหรือพนักงานสอบสวน
หรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหานั้น
4. เมื่อศาลมีคำพิพากษา
และผู้ประกันไม่ประสงค์จะขอปล่อยชั่วคราวจำเลยอีกในชั้นอุทธรณ์หรือชั้นฎีกา
5. ศาลอนุญาตให้เปลี่ยนหลักประกัน
6. ผู้ต้องหาหรือจำเลยตายก่อนผิดสัญญาประกัน
หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ประกัน
1. ต้องนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาศาลตามกำหนดนัดทุกนัด หรือตามหมายเรียกของศาล
2.
หากผู้ต้องหาหรือจำเลยมีเหตุจำเป็นไม่สามารถมาศาลตามกำหนดนัดหรือตามหมายเรียกได้
จะต้องมาแถลงต่อศาลพร้อมแสดงหลักฐานแสดงเหตุที่อ้างนั้น
3. เมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี ผู้ขอประกันจะต้องรับผิดชำระค่าปรับตามสัญญาประกันต่อศาล
หากไม่ชำระค่าปรับจะถูกบังคับเอาจากหลักประกันนั้น หากบังคับไม่ได้พอชำระค่าปรับ
ก็ยังถูกบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นๆจนครบค่าปรับตามสัญญาประกัน
4. จะต้องให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานหรือศาลตามความเป็นจริงและจะต้องยื่นเอกสารต่างๆต่อศาล
ให้ถูกต้องครบถ้วน หากให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จ
หรือยื่นเอกสารอันมีข้อความอันเป็นเท็จหรือเอกสารปลอม
จะมีความผิดทางอาญาและถือว่าประพฤติตัวไม่เรียบร้อยให้บริเวณศาล
ซึ่งมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 500 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
สิทธิของผู้ประกัน
1.
ยกเลิกการเป็นผู้ประกันโดยนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาส่งคืนต่อศาล
2.
นำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาส่งคืนต่อศาล เมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี
3.
จับกุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาส่งคืนต่อศาล เมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี้
หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุอันตรายอื่น
4.
ของดหรือลดค่าปรับเมื่อนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนีมาส่งคืนศาล
ทำอย่างไรเมื่อ “ผู้ต้องหาหรือจำเลยทำผิดซ้ำระหว่างประกันตัว”
ผู้ประกันยังคงมีหน้าที่ในการนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาส่งศาลในคดีที่ตนเป็นประกัน
ตามกำหนดนัด แต่หากผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกควบคุมตัวในคดีอื่น
ผู้ประกันอาจยื่นคำร้องแถลงให้ศาลทราบเพื่อเบิกตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาสอบถามว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่หากใช่และผู้ประกันประสงค์ที่จะถอนประกันก็สามารถทำได้
หลังจากที่มีการสอบถามแล้ว
เมื่อถึงกำหนดพาผู้ต้องหาหรือจำเลยมารายงานตัวต่อศาล
แต่ผู้ประกันไม่สามารถมาศาลด้วยตนเอง แต่ผู้ประกันไม่สามารถมาศาลด้วยตนเอง
ก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นส่งแทนได้
เพราะการที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยมาศาลแต่ผู้ขอประกันไม่มาศาล
ไม่ถือว่าผิดสัญญาประกันแต่ถือว่าผู้ขอประกันทราบคำสั่งของศาลและวันนัดส่งตัวคราวต่อไปแล้ว
เมื่อไม่อยากเป็น “ผู้ประกัน” อีกต่อไป
ผู้ขอประกันอาจถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกันต่อศาลได้เสมอโดยต้องส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยคืนต่อศาล
เมื่อศาลอนุญาตความรับผิดชอบตามสัญญาประกันเป็นอันสิ้นสุดลง
ขอคืนหลักประกัน
เมื่อคดีถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนประกันหรือสัญญาประกันสิ้นสุดลงด้วยเหตุความผิดตามสัญญาประกันสิ้นสุดลงด้วยเหตุความรับผิดตามสัญญาประกันสิ้นสุดลง
ผู้ขอประกันสามารถขอรับหลักประกันคืนได้ทันที โดยยื่นคำร้องต่อศาลและแนบหลักฐานคือ
ใบรับหลักฐานและใบรับเงินที่ศาลออกให้เมื่อครั้งยื่นขอประกันตัว
หากใบรับหลักฐานหรือใบรับเงินสูญหายต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและนำใบรับแจ้งความมาแสดงต่อศาล
โดยปกติแล้ว ผู้ขอประกันจะต้องยื่นคำร้องด้วยตนเอง หากไม่สามารถมารับได้ด้วยตนเอง
สามารถมอบฉันทะให้ผู้อื่นมารับหลักทรัพย์หรือเงินสดแทนได้
โดยใบมอบฉันทะขอได้ที่เจ้าหน้าที่ของศาล
ข้อมูลนี้นำมาจากคู่มือการปล่อยชั่วคราวและการบังคับคดีผู้ประกันฉบับประชาชน
ศาลยุติธรรม